ประวัติ ของ เกล็ดหิมะ (กอริลลา)

บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง คุณสามารถพัฒนาบทความนี้ได้โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงตามสมควร เนื้อหาที่ขาดแหล่งอ้างอิงอาจถูกลบออก
เกล็ดหิมะกำลังพักผ่อนอยู่ในกรงของมัน

เกล็ดหิมะถูกจับได้ในภูมิภาครีโอมูนี ที่ประเทศอิเควทอเรียลกินี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1966 โดยเบนีโต มาเญ ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้มีสายเลือดชาวฟอง โดยมาเญได้สังหารเหล่ากอริลลาที่มีอยู่ในฝูงของมัน (ที่มีสีปกติ) จากนั้น มาเญได้นำเจ้าเกล็ดหิมะตัวนี้มากักตัวไว้ที่บ้านของเขา เป็นระยะเวลาสี่วันก่อนที่จะส่งมันสู่จังหวัดชายฝั่งบาตา แล้วมันก็ได้รับการซื้อตัวโดยนักวานรวิทยาที่ชื่อฌอร์ดี ซาบาเต ปี[12] ซึ่งเกล็ดหิมะได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่สวนสัตว์บาร์เซโลนา[ต้องการอ้างอิง]

เกล็ดหิมะเป็นพ่อของลูก ๆ ที่มีอยู่ถึง 21 ตัว โดยแบ่งออกเป็นตัวผู้สิบตัวและตัวเมียสิบเอ็ดตัว จากคู่ครองหรือผู้ที่เป็นแม่ของกอริลลาที่มีอยู่ทั้งหมดสามตัว ทายาทของมันหกตัวมีชีวิตมาจนเติบใหญ่และสามตัวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ โดยไม่มีลูกตัวใดของเกล็ดหิมะที่มีภาวะผิวเผือก หากแต่ทุกตัวน่าจะมียีนเฮเทอโรไซกัส ซึ่งเป็นพาหะของยีนด้อยสำหรับยีนผิวเผือก โดยลูกหลานของมันน่าจะเป็นพาหะของยีนผิวเผือกตามค่าทางคณิตศาสตร์อยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ลูกหลานของมันมีโอกาสอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ หากทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะของยีนผิวเผือก พวกมันก็มีโอกาส 25 เปอร์เซ็นต์ในการออกลูกมาเป็นกอริลลาผิวเผือก[ต้องการอ้างอิง] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 เกล็ดหิมะมีหลานทั้งหมด 21 ตัว (11 ตัวที่ยังมีชีวิตอยู่) กับเหลนอีกสี่ตัว (ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด)[13] หลานของเจ้าเกล็ดหิมะที่ชื่อเอ็นโกว์มีนิ้วมือสีชมพู ซึ่งอาจจะเป็นนัยของการมีภาวะผิวเผือกในบางส่วน[ต้องการอ้างอิง]

ในช่วงเวลาของความตาย ได้มีการคาดว่าเกล็ดหิมะน่าจะมีอายุอยู่ที่ระหว่าง 38 ถึง 40 ปี โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 มันได้รับความทุกข์ทรมานจากรูปแบบที่ผิดปกติของมะเร็งผิวหนัง ซึ่งแทบจะแน่นอนที่จะเกิดขึ้นต่อภาวะผิวเผือกของมัน[14] ผู้เข้าเยี่ยมชมสวนสัตว์นับพันได้มาร่ำลาอาลัย ก่อนที่มันจะถูกกระทำการการุณยฆาตเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 [ต้องการอ้างอิง]

แรกเริ่มเดิมที ทางสวนสัตว์บาร์เซโลนาไม่ได้ตระหนักถึงลักษณะเฉพาะของเกล็ดหิมะ พวกเขาได้ส่งข้อความไปยังซาบาเต ปี โดยบอกว่า "กรุณาส่งบรรดากอริลลาสีขาวมาให้มากกว่าเดิม"[ต้องการอ้างอิง] ซึ่งต่อมาทางสวนสัตว์ได้หวังถึงการให้กำเนิดทางสายพันธุกรรม รวมถึงครอบครัวของกอริลลาสีขาวทั้งหมดที่มาจากการคัดเลือกพันธุ์[ต้องการอ้างอิง] และสวนสัตว์นี้ มีบันทึกข้อสนธิสัญญาในการเก็บรักษาลูกอัณฑะของเกล็ดหิมะเพื่อการเก็บเกี่ยวผลิตผล จากการตายของมัน จึงได้มีการเก็บไว้ในสวนสัตว์แช่แข็งเพื่อรองรับตัวเลือกในการมีลูกหลานของมันได้มากขึ้นในอนาคต[ต้องการอ้างอิง] ยีนของเกล็ดหิมะได้รับการพิจารณาว่ามีคุณค่าเป็นพิเศษเพราะมันถูกจับในป่า และเพราะเหตุนี้มันจึงเป็นหนึ่งในต้นสายพันธุ์สำหรับกอริลลาที่ลุ่มตะวันตกที่ถูกจับได้ ซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และได้รับการบริหารจัดการโครงการปรับปรุงสายพันธุ์โดยโครงการเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์สัตว์ป่าหายากของสมาคมสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและโครงการอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์แห่งทวีปยุโรปสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่า[ต้องการอ้างอิง] ใน ค.ศ. 1986 ทางสวนสัตว์บาร์เซโลนาได้ขอความช่วยเหลือจากสัตวแพทย์เดวิด เทย์เลอร์ ในการเก็บสเปิร์มจากเกล็ดหิมะสำหรับผสมเทียม แม้ว่าความพยายามดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เรื่องราวเหล่านี้ก็ได้รับการเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์ไปทั่วโลก[15] รวมถึงได้มีการสนทนาถึงการโคลนเจ้าเกล็ดหิมะ[ต้องการอ้างอิง]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เกล็ดหิมะ (กอริลลา) http://www.anuaris.cat/continguts/article.php?id=2... http://mdc.cbuc.cat/cdm4/document.php?CISOROOT=/sa... http://www.biomedcentral.com/1471-2164/14/363 http://www.huffingtonpost.com/2013/06/17/albino-go... http://www.manteka.com/copito/ http://www.theatlantic.com/entertainment/archive/2... http://www.dewarwildlife.org/jrdavis-gorilla-studb... //doi.org/10.1186%2F1471-2164-14-363 http://web.expasy.org/spotlight/back_issues/049/ http://www.pbs.org/wnet/nature/snowflake